บัตรทอง หรือการประกันสุขภาพถ้วนหน้า ในชื่อโครงการ “30 บาท รักษาทุกโรค” กำหนดให้ สปสช. ทำหน้าที่จัดบริการสาธารณสุขให้แก่บุคคลที่ไม่มีสิทธิสวัสดิการรักษาพยาบาลพื่อการเข้าถึงบริการสาธารณสุขที่มีมาตรฐานอย่างทั่วถึง ไม่นานมานี้ สปสช. ออกมาเตือนภัยประชาชนว่ามีมิจฉาชีพหลอกดึงข้อมูลผ่านทางไลน์ @check-sith ย้ำว่าไม่ใช่ไลน์ของสปสช. เป็นการแอบอ้าง เป็นข้อมูลเท็จและเป็นข่าวปลอม สำหรับการช่องทางการตรวจสอบสิทธิหลักประกันสุขภาพหรือสิทธิบัตรทองสามารถตรวจสอบได้หลายช่องทาง
บัตรทอง สปสช. เตือนมิจฉาชีพหลอกดึงข้อมูลผ่านทางไลน์
สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เตือนภัยประชาชน หลังมีการส่งต่อข้อมูลผ่านสื่อออนไลน์เกี่ยวกับการตรวจสอบสิทธิผู้ป่วยบัตรทองผ่านช่องทางไลน์ @check-sith เพียงแค่พิมพ์เลขบัตรประชาชน 13 หลัก และวันเดือนปีเกิดนั้น เป็นข้อมูลเท็จและเป็นข่าวปลอม ซึ่ง เป็นการแอบอ้างหน่วยงานรัฐเพื่อหลอกดึงข้อมูลส่วนบุคคลของประชาชน จึงขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อ
สปสช. ย้ำว่า ไลน์ @check-sith ไม่ใช่ไลน์ของจริงเป็นการแอบอ้างหน่วยงานรัฐเพื่อหลอกดึงข้อมูลส่วนบุคคลของประชาชน ส่วนไลน์ที่ช้ในการสื่อสารคือ ไลน์ไอดี @nhso เท่านั้น ขณะนี้ได้มีการประสานไปยัง บริษัท ไลน์ คอมพานี (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อให้ระงับการใช้งาน Line @check-sith แล้ว พร้อมให้สำนักกฎหมายเตรียมแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ที่แอบอ้างดังกล่าวด้วย
ช่องทางการตรวจสอบสิทธิบัตรทอง
สำหรับช่องทางการตรวจสอบสิทธิหลักประกันสุขภาพหรือสิทธิบัตรทอง สามารถตรวจสอบได้หลายช่องทาง เช่น
1)แอป สปสช. เมื่อลงทะเบียนใช้งานแล้ว เลือกเมนู “ตรวจสอบสิทธิตนเอง”
2)ไลน์ @nhso เพิ่มเพื่อนแล้ว เลือกเมนู “ตรวจสอบสิทธิ”
3)เว็บไซต์ สปสช. คลิก www.nhso.go.th เลือกเมนู สำหรับประชาชน แล้วคลิก ตรวจสอบสิทธิหลักประกันสุขภาพ
4)สายด่วน สปสช. โทร.1330 กด 2 แล้วกดเลขประชาชน 13 หลัก (ระบบจะตรวจสอบให้อัตโนมัติ)
ทั้งนี้ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนสปสช. โทร.1330
สิทธิบัตรทอง คืออะไร
สิทธิหลักประกันสุขภาพ 30 บาท หรือที่เรารู้จักกันในชื่อบัตรทอง คือ สิทธิตามกฎหมายของคนไทย ที่ใช้ในการเข้าถึงบริการด้านสาธารณสุข และการแพทย์ เพื่อการรักษาพยาบาล การตรวจวินิจฉัย ส่งเสริมด้านสุขภาพ และการป้องกันโรค ฯลฯ ไม่เพียงแต่ใช้ได้กับกับการแพทย์แผนปัจจุบัน แต่ยังสามารถใช้ได้กับแพทย์แผนไทย รวมไปถึงแพทย์ทางเลือกต่าง ๆ ตามกฎหมายการประกอบโรคศิลปะ
การเข้าต้องการเข้ารักษาโดยใช้สิทธิบัตรทอง สามารถเข้ารักษาได้ที่โรงพยาบาลของทางภาครัฐ หรือสถานพยาบาลที่เข้าร่วมการใช้สิทธิ จากนั้นแสดงบัตรเพื่อขอเข้ารับการรักษาตัวพร้อมกับบัตรประชาชน หากสนใจและยังลังเลที่จะสมัคร สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมพร้อมสิทธิประโยชน์รวมถึงหากต้องการย้ายสิทธิทำอย่างไร ได้ที่เจ้าหน้าที่สถานพยาบาลที่เข้าร่วม เพื่อจะได้รับสิทธิประโยชน์อย่างลงตัว ที่สำคัญปัจจุบันบัตรทองก็ยังคงได้รับความนิยมจากประชาชนมาเสมอ ดังนั้นในอนาคตภาครัฐอาจจะมีการปรับปรุงเงื่อนไขต่างๆ ของบัตรให้ดีขึ้นอย่างแน่นอน
แนวทางการใช้งานสิทธิบัตรทองมี ดังนี้
- ติดต่อหน่วยบริการประจำตามสิทธิ
- แสดงความจำนง การใช้สิทธิหลักประกันสุขภาพแก่เจ้าหน้าที่
- แสดงบัตรประจำตัวประชาชน เพื่อเข้ารับบริการ
ผู้ที่ได้รับสิทธิบัตรทองคือใครบ้าง
หลายคนอาจมีความเข้าใจเบื้องต้นว่า สิทธิหลักประกันสุขภาพ 30 บาท จะคุ้มครอง ผู้สูงอายุ แรงงานนอกระบบ หรือผู้ที่ประกอบอาชีพอิสระ ซึ่งหากขยายความสิทธิบัตรทองจะครอบคลุมสิทธิ์แก่ คนไทยที่มีเลขประจำตัว 13 หลัก ซึ่งยังไม่ได้รับสิทธิการรักษาพยาบาลของข้าราชการ หรือรัฐวิสาหกิจใด ๆ รวมไปถึงยังไม่ได้รับสิทธิประกันสังคม ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้จะมีสิทธิหลักประกันสุขภาพตามกฎหมาย และสามารถลงทะเบียนเลือกหน่วยบริการประจำได้ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
ยกตัวอย่างกลุ่มคนที่ได้รับสิทธิบัตรทอง เช่น
- เด็กแรกเกิด ที่ไม่ได้มีสวัสดิการข้าราชการจากพ่อแม่
- บุตรข้าราชการคนที่ 4 (เนื่องจากสิทธิ์ข้าราชการคุ้มครองบุตรเพียง 3 คน)
- ข้าราชการที่เกษียณอายุหรือออกจากข้าราชการ โดยไม่มีบำนาญ
- ผู้ประกอบอาชีพอิสระและไม่ได้เป็นผู้ประกันตน ฯลฯ
เช็กสิทธิการรักษาพยาบาลด้วยตัวเองได้ง่ายๆ ได้ที่
- สอบถามด้วยตัวเองที่ สถานีอนามัย, โรงพยาบาลใกล้บ้าน, สำนักงานสาธารณะสุขจังหวัด, สำนักงานเขต, หรือสำนักงานหลักประกันสุขภาพ (สปสช.)
- โทร 1330 กด 2 ตามด้วยเลขบัตรประชาชน 13 หลัก (ค่าบริการ 3 บาทต่อครั้ง)
- ตรวจสอบผ่านเว็บไซต์ www.nhso.go.th
- ตรวจสอบผ่าน Application สปสช. เลือกเมนู ตรวจสอบสิทธิตนเอง
- LINE Official Account สปสช. @nhso หรือคลิก https://lin.ee/zzn3pU6 เลือกเมนู ตรวจสอบสิทธิ
สิทธิบัตรทองคุ้มครองอะไรบ้าง
จะได้รับการคุ้มครองค่าใช้จ่ายด้านบริการสาธารณสุข โดยคุ้มจะครองบริการ ดังนี้
- บริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค
- การตรวจวินิจฉัยโรค
- การตรวจและรับฝากครรภ์
- การบำบัดและการบริการทางการแพทย์
- ยา เวชภัณฑ์ อวัยวะเทียม และอุปกรณ์ทางการแพทย์
- การทำคลอด
- การกินอยู่ในหน่วยบริการ
- การบริบาลทารกแรกเกิด
- บริการรถพยาบาล หรือบริการพาหนะรับส่งผู้ป่วย
- บริการพาหนะรับส่งผู้ทุพพลภาพ
- การฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกายและจิตใจ
- บริการสาธารณสุขด้านการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบโรคศิลปะ
- บริการสาธารณสุขอื่นที่จำเป็นต่อสุขภาพและการดำรงชีวิตที่คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติกำหนดเพิ่มเติม
- การบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดสารเสพติด
- การบริการสาธารณสุขที่เกี่ยวกับอุบัติเหตุและการประสบภัยจากรถยนต์
- การรักษาโรคเดียวกันที่ต้องใช้ระยะเวลาในการรักษาตัวในโรงพยาบาลประเภทผู้ป่วยใน
ข้อดีและข้อเสียของการใช้บัตรทอง
1. รับบริการตรวจรักษาอย่างครอบคลุมทุกโรค แค่ใช้บัตรทอง ก็สามารถตรวจและทำการรักษาได้อย่างครอบคลุมทุกโรค โดยไม่มีเงื่อนไขใดๆ ทั้งสิ้น รวมถึงการถอนฟัน อุดฟัน การทำฟันปลอมฐานพลาสติกหรือการใส่เพดานเทียม ในเด็กที่มีปัญหาปากแหว่งเพดานโหว่อีกด้วย ซึ่งสามารถใช้ได้กับโรงพยาบาลรัฐทั่วไป ดังนั้นหากใครที่กำลังสงสัยว่าตนเองกำลังป่วยเป็นโรคอะไรหรือไม่ หรือต้องการตรวจสุขภาพประจำปี แค่มีบัตรทอง 30 บาท ก็สามารถตรวจโรคได้อย่างง่ายดาย โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
2. รับการผ่าตัดทุกโรคและการทำคลอด บัตรทอง ให้สิทธิประโยชน์ในการผ่าตัดอย่างครอบคลุมทุกโรคและการทำคลอด ซึ่งให้สิทธิไม่เกิน 2 ครั้ง นอกจากนี้ยังรวมถึงการทำหมันและการฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันโรคต่างๆ อีกด้วย ดังนั้นหากจำเป็นต้องผ่าตัด สามารถใช้สิทธิ 30 บาท เพื่อการรักษาด้วยการผ่าตัดได้เลย
3. ให้สิทธิค่าห้อง ค่าอาหาร กรณีผู้ป่วยสามัญ รับสิทธิประโยชน์สบายๆ เมื่อต้องนอนรักษาตัวในโรงพยาบาล ไม่ว่าจะเป็นค่าห้องหรือค่าอาหาร แต่มีข้อแม้ว่าต้องเป็นกรณีผู้ป่วยสามัญเท่านั้น ผู้ที่มีบัตรทอง จึงไม่ต้องกังวลกับการนอนรักษาตัวในโรงพยาบาล เพราะไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ในกรณีค่าห้องและค่าอาหารเพิ่มเติมนั่นเอง รู้แบบนี้แล้วอย่าพลาดที่จะใช้สิทธิเด็ดขาด
4. คุ้มครองดูแลสุขภาพเด็ก ให้การคุ้มครองและดูแลสุขภาพเด็กตั้งแต่วัยแรกเกิด ซึ่งส่วนใหญ่หลังคลอดบุตรทางโรงพยาบาลจะทำบัตรประกันสุขภาพถ้วนหน้าหรือบัตรทอง 30 บาทรักษาทุกโรคให้ทันที และให้ความคุ้มครองอย่างครอบคลุมทุกโรค รวมถึงการบริการด้านการเสริมพัฒนาการของเด็กและภาวะโภชนาการด้วย หรือกล่าวง่ายๆ เลยก็คือ ให้การดูแลสุขภาพเด็กอย่างครบวงจรเลยนั่นเอง
5. บริการให้คำปรึกษา รับบริการให้คำปรึกษา ทั้งเรื่องสุขภาพ และเรื่องอื่นๆ ทั่วไป รวมถึงการให้ความรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ เพื่อส่งเสริมให้ผู้คนมีสุขภาพดีและมีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น
ข้อเสียของการใช้บัตรทอง
1. รักษาได้เฉพาะโรงพยาบาลรัฐ บัตรทอง สามารถใช้รักษาได้เฉพาะกับโรงพยาบาลรัฐเท่านั้น ไม่สามารถใช้กับโรงพยาบาลเอกชนได้ ซึ่งก็อาจจะสร้างความลำบากให้กับผู้ที่อยู่ไกลจากโรงพยาบาลรัฐมากทีเดียว
2. ไม่คุ้มครองการรักษาที่เกินความจำเป็นพื้นฐาน จะให้ความคุ้มครองการรักษาในกรณีที่อยู่ในระดับความจำเป็นพื้นฐานเท่านั้น หากเกินจากความจำเป็นพื้นฐานแล้ว จะไม่สามารถใช้บัตรทองเพื่อการรักษาได้ ซึ่งกลุ่มบริการที่ไม่ได้รับความคุ้มครองในกลุ่มนี้ คือ การผสมเทียม เพื่อมีบุตร การรักษากรณีที่มีบุตรยาก การบริการทางการแพทย์เพื่อความสวยงาม เช่น ทำเลเซอร์รักษาสิว ทำศัลยกรรมความงาม เป็นต้น การเปลี่ยนแปลงเพศ การตรวจวินิจฉัย และการรักษาโรคบางอย่างที่เกินความจำเป็น การทำการรักษาอาการป่วยหรือโรคบางอย่าง ที่อยู่ในระหว่างการค้นคว้าทดลอง
3. ไม่คุ้มครองการรักษาที่มีงบประมาณจัดสรรโดยเฉพาะ จะไม่ให้ความคุ้มครองในการรักษาที่มีงบประมาณจัดสรรให้เป็นการเฉพาะอยู่แล้ว ซึ่งได้แก่ โรคจิต หรืออาการป่วยทางจิต ซึ่งทางการแพทย์จำเป็นต้องรับไว้เพื่อการรักษาและฟื้นฟูจิตใจของผู้ป่วย โดยให้เป็นผู้ป่วยในเกินกว่า 15 วัน ส่วนนี้จะมีงบประมาณที่จัดสรรไว้สำหรับผู้ป่วยอยู่แล้ว การบำบัดผู้ติดยาเสพติด เป็นการบำบัดและรักษาอาการของผู้ติดยาเสพติด เพื่อฟื้นฟูให้สามารถกลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้โดยไม่ต้องพึ่งยาเสพติด ซึ่งก็จะมีงบประมาณจัดสรรไว้ให้แล้วเหมือนกัน ผู้ที่เกิดอุบัติเหตุทางรถ โดยมี พรบ. คุ้มครองอยู่ ซึ่งจะต้องใช้สิทธิ พรบ. ให้ครบก่อน จึงจะสามารถใช้สิทธิรักษา 30 บาทได้
4. ไม่คุ้มครองกรณีโรคเรื้อรัง จะไม่คุ้มครองในกรณีที่เป็นโรคเรื้อรัง และโรคที่ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเป็นผู้ป่วยในเกินกว่า 180 วัน ยกเว้นหากมีความจำเป็นจริงๆ เช่นเกิดภาวะแทรกซ้อน จึงต้องรักษายาวนานขึ้น กรณีนี้อาจได้รับการรักษาโดยใช้สิทธิได้
จะเห็นได้ว่าบัตรทองมีทั้งข้อดีและข้อเสีย แม้จะเรียกว่าเป็นบัตรประกันสุขภาพถ้วนหน้าที่จ่ายแค่ 30 บาท ก็รักษาทุกโรคแต่ก็มีข้อจำกัดเหมือนกัน และที่สำคัญคือสามารถใช้รักษาได้เฉพาะกับโรงพยาบาลรัฐและศูนย์บริการเช่นอนามัยเท่านั้น จึงอาจทำให้ผู้ที่อยู่ไกลจากโรงพยาบาลรัฐใช้สิทธิได้ลำบากมากขึ้น แต่อย่างก็ตาม สิทธิประโยชน์ที่ได้รับก็ถือว่าอยู่ในระดับที่คุ้มค่ามากพอสมควรเช่นกัน
เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจเกี่ยวกับข่าวสังคม
- เกล็ดเลือดต่ำ โชคดีหมอเห็นรอยจ้ำเลือดก่อนถอนฟันคนไข้
- โคโค่ ลี นักร้องดัง จบชีวิตตัวเองหลังป่วยโรคซึมเศร้า
- ประกันสังคม เตือนผู้ประกันตน ม.39 อย่าลืมนำเงินเข้าบัญชี
- สะพานลาดกระบังถล่ม เจ็บ 7 ตาย 2
- ไข้เลือดออกไครเมีย-คองโก WHO จับตาสุ่มเสี่ยงระบาดทั่วโลก
ที่มาของบทความ
- https://www.tnnthailand.com
- https://www.exta.co.th
- https://moneyandbanking.co.th
- https://www.terrabkk.com
ติดตามอ่านข่าวสังคมได้ที่ olivepeak.com
สนับสนุนโดย ufabet369